“Wet Scrubber” เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการบำบัดมลพิษทางอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม “Wet Scrubber” มีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีความเหมาะสมกับอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ “Wet Scrubber” ให้เหมาะสมกับลักษณะของมลพิษและขนาดของอุตสาหกรรมจะช่วยให้การบำบัดมลพิษทางอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยประเภทของ “Wet Scrubber” และการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมต่างๆ มีดังนี้
1. Spray Tower Scrubber
Spray Tower Scrubber เป็น “Wet Scrubber” ที่มีการพ่นละอองของเหลวเข้าไปในกระแสอากาศที่ปนเปื้อนสารมลพิษ โดยอาศัยหลักการดูดซับและกำจัดสารมลพิษด้วยของเหลว Spray Tower Scrubber มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อนและง่ายต่อการบำรุงรักษา จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่มีฝุ่นละอองและไอระเหยที่มีความเข้มข้นต่ำถึงปานกลาง เช่น อุตสาหกรรมผลิตอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมเซรามิก และอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่
2. Packed Bed Scrubber
Packed Bed Scrubber เป็น “Wet Scrubber” ที่มีการบรรจุวัสดุที่มีพื้นผิวมากเพื่อเพิ่มการสัมผัสระหว่างอากาศและของเหลว ทำให้การดูดซับและกำจัดสารมลพิษมีประสิทธิภาพสูงขึ้น Packed Bed Scrubber สามารถกำจัดสารมลพิษได้หลากหลายชนิด เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ และไอระเหยของสารอินทรีย์ จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยสารมลพิษหลายชนิด เช่น อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
3. Venturi Scrubber
Venturi Scrubber เป็น “Wet Scrubber” ที่มีการเพิ่มความเร็วของกระแสอากาศให้สูงขึ้นโดยผ่านท่อที่มีหน้าตัดแคบ (Venturi Throat) ทำให้เกิดการสัมผัสที่รุนแรงระหว่างอากาศและของเหลว ส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กถูกดูดซับและกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ Venturi Scrubber จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็กในปริมาณมาก เช่น อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมการผลิตพลังงาน
4. Mechanically Aided Scrubber
Mechanically Aided Scrubber เป็น “Wet Scrubber” ที่มีการใช้อุปกรณ์ทางกลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัดมลพิษทางอากาศ เช่น ใบพัดหรือแผ่นกั้น ซึ่งช่วยเพิ่มการสัมผัสระหว่างอากาศและของเหลวและเพิ่มเวลาในการทำปฏิกิริยา Mechanically Aided Scrubber มีขนาดใหญ่และมีความสามารถในการบำบัดมลพิษทางอากาศได้ในปริมาณสูง จึงเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการปล่อยสารมลพิษในปริมาณมาก เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงงานผลิตกระดาษ และอุตสาหกรรมเคมีขนาดใหญ่
การเลือกใช้ “Wet Scrubber” ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ชนิดและความเข้มข้นของสารมลพิษ อัตราการไหลของอากาศ ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพในการบำบัด และงบประมาณในการลงทุนและบำรุงรักษา นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการจัดการน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการทำงานของ “Wet Scrubber” ซึ่งอาจต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติมเพื่อให้มีคุณภาพน้ำทิ้งที่เป็นไปตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและการประเมินความเหมาะสมของ “Wet Scrubber” กับลักษณะเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การบำบัดมลพิษทางอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว