ข้อดี-ข้อเสีย ของ “Wet Scrubber”

Wet Scrubber” เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการช่วยบำบัดอากาศเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานเคมี และโรงงานผลิตเหล็กและเหล็กกล้า โดยอาศัยหลักการดูดซับสารมลพิษด้วยของเหลวหรือสารละลาย ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนการเลือกใช้งาน

ข้อดีของ “Wet Scrubber”

  • ประสิทธิภาพในการกำจัดสารมลพิษ

“Wet Scrubber” มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสารมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นละอองและอนุภาคขนาดเล็ก นอกจากนี้ “Wet Scrubber” ยังมีความสามารถในการดูดซับและกำจัดก๊าซที่ละลายน้ำได้ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ ด้วยปฏิกิริยาเคมีระหว่างก๊าซกับสารละลายที่ใช้ในการดูดซับ ทำให้สามารถกำจัดสารมลพิษได้หลากหลายชนิดในระบบเดียว

  • การควบคุมอุณหภูมิของก๊าซ

“Wet Scrubber” มีข้อดีในการควบคุมอุณหภูมิของก๊าซที่ผ่านเข้ามาในระบบ เนื่องจากของเหลวหรือสารละลายที่ใช้ในการดูดซับสามารถดูดความร้อนจากก๊าซที่มีอุณหภูมิสูงได้ ทำให้อุณหภูมิของก๊าซลดลง ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดการระเบิดหรือการลุกไหม้ของก๊าซที่ติดไฟได้ นอกจากนี้ การลดอุณหภูมิของก๊าซยังช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานในขั้นตอนการบำบัดอากาศขั้นต่อไปอีกด้วย

  • ต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ

“Wet Scrubber” มีต้นทุนในการดำเนินงานที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีบำบัดมลพิษทางอากาศแบบอื่นๆ เนื่องจากใช้น้ำหรือสารละลายที่มีราคาถูกเป็นตัวกลางในการดูดซับและกำจัดสารมลพิษ ซึ่งน้ำหรือสารละลายที่ใช้แล้วยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลังจากผ่านการบำบัดอย่างเหมาะสม ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนในการจัดหาน้ำหรือสารเคมีใหม่ได้

ข้อเสียของ “Wet Scrubber”

  • การเกิดน้ำเสีย

ข้อเสียที่สำคัญของ “Wet Scrubber” คือ การเกิดน้ำเสียปริมาณมากจากกระบวนการดูดซับและกำจัดสารมลพิษ ซึ่งต้องได้รับการบำบัดให้มีคุณภาพที่เหมาะสมก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม มิฉะนั้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสุขภาพของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนในการลงทุนและดำเนินงานของระบบ “Wet Scrubber” โดยรวม

  • การสึกหรอและกัดกร่อนของอุปกรณ์

สารมลพิษบางชนิด เช่น ก๊าซกรดหรือสารประกอบกำมะถัน อาจทำให้เกิดการสึกหรอและกัดกร่อนของอุปกรณ์ภายใน “Wet Scrubber” ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่สัมผัสกับของเหลวหรือสารละลายที่ใช้ในการดูดซับ ซึ่งอาจส่งผลให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์สั้นลงและต้องมีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยครั้ง ดังนั้น จึงต้องเลือกใช้วัสดุที่ทนต่อการสึกหรอและกัดกร่อน เช่น สแตนเลสสตีลหรือวัสดุเคลือบผิวพิเศษ เพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

  • ความยุ่งยากในการบำรุงรักษา

การบำรุงรักษาระบบ “Wet Scrubber” อาจมีความยุ่งยากและซับซ้อนกว่าเทคโนโลยีบำบัดมลพิษทางอากาศแบบอื่นๆ เนื่องจากมีส่วนประกอบและอุปกรณ์ที่หลากหลาย รวมถึงระบบท่อและวาล์วที่ใช้ในการลำเลียงของเหลวและก๊าซ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการอุดตันและการสึกหรอของอุปกรณ์ นอกจากนี้ การซ่อมบำรุงและเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนอาจต้องใช้เวลานานและต้องอาศัยความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องหยุดระบบการผลิตชั่วคราวและสูญเสียรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว

  • ข้อจำกัดในการกำจัดสารมลพิษบางชนิด

แม้ว่า “Wet Scrubber” จะมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสารมลพิษหลายชนิด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการกำจัดสารมลพิษบางประเภท เช่น สารมลพิษที่ไม่ละลายน้ำหรือมีความสามารถในการละลายน้ำต่ำ ซึ่ง “Wet Scrubber” อาจไม่สามารถดูดซับและกำจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ “Wet Scrubber” อาจไม่เหมาะสมสำหรับการกำจัดสารมลพิษที่มีความเข้มข้นสูงหรือมีอนุภาคขนาดใหญ่ เนื่องจากอาจเกิดการอุดตันของอุปกรณ์หรือลดประสิทธิภาพในการกำจัดสารมลพิษลง จึงต้องมีการประเมินลักษณะและปริมาณของสารมลพิษที่ต้องการกำจัดอย่างละเอียด เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด

สรุปได้ว่า “Wet Scrubber” เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสารมลพิษทางอากาศ โดยมีข้อดีในด้านประสิทธิภาพการกำจัดสารมลพิษ การควบคุมอุณหภูมิของก๊าซ และต้นทุนในการดำเนินงานที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ อย่างไรก็ตาม “Wet Scrubber” ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณา เช่น การเกิดน้ำเสียปริมาณมาก การสึกหรอและกัดกร่อนของอุปกรณ์ ความยุ่งยากในการบำรุงรักษา และข้อจำกัดในการกำจัดสารมลพิษบางชนิด ดังนั้น การเลือกใช้ “Wet Scrubber” จึงต้องพิจารณาถึงลักษณะและปริมาณของสารมลพิษที่ต้องการกำจัด รวมถึงความคุ้มค่าในการลงทุนและดำเนินงานในระยะยาว เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดประโยชน์ต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *