การประยุกต์ใช้ “Wet Scrubber” ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้า

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้าเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศที่สำคัญ ซึ่งปล่อยสารมลพิษหลากหลายชนิด เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน และสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ออกสู่บรรยากาศ ทำให้ “Wet Scrubber” เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดสารมลพิษเหล่านี้ จึงได้รับความนิยมในการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้าทั่วโลก ซึ่งการประยุกต์ใช้ “Wet Scrubber” ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้า มีดังนี้

การกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนในโรงไฟฟ้า

โรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหินและน้ำมัน มักปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาฝนกรดและหมอกควัน “Wet Scrubber” สามารถกำจัดก๊าซเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้หลักการดูดซับด้วยสารละลายด่าง เช่น สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือแคลเซียมไฮดรอกไซด์ เมื่อก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนสัมผัสกับสารละลายด่าง จะเกิดปฏิกิริยาเคมีและถูกเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่ไม่เป็นอันตราย เช่น โซเดียมซัลเฟตและแคลเซียมไนเตรต ซึ่งสามารถแยกออกจากน้ำและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ “Wet Scrubber” ที่ใช้ในโรงไฟฟ้ามักเป็นแบบ Spray Tower Scrubber หรือ Packed Bed Scrubber ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนได้สูงถึง 90-99%

การบำบัดไอระเหยของสารอินทรีย์ระเหยง่ายในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีเป็นแหล่งกำเนิดสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ที่สำคัญ ซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิตและการใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ VOCs เป็นสารมลพิษที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น โรคระบบทางเดินหายใจและการเกิดโอโซนในชั้นโทรโพสเฟียร์ “Wet Scrubber” สามารถบำบัด VOCs ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้หลักการดูดซับด้วยของเหลว โดยทั่วไป “Wet Scrubber” ที่ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมักเป็นแบบ Packed Bed Scrubber หรือ Venturi Scrubber ซึ่งใช้ของเหลวที่มีความสามารถในการละลาย VOCs สูง เช่น น้ำมันหอมระเหยหรือสารละลายอินทรีย์ ไอระเหยของ VOCs จะถูกดูดซับลงในของเหลวและถูกกำจัดออกจากกระแสอากาศ จากนั้นของเหลวที่ใช้ดูดซับจะถูกนำไปฟื้นฟูเพื่อนำ VOCs กลับมาใช้ใหม่หรือกำจัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

การเลือกใช้ “Wet Scrubber” ที่เหมาะสมกับลักษณะของมลพิษในแต่ละอุตสาหกรรม

การเลือกใช้ “Wet Scrubber” ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้าต้องพิจารณาจากลักษณะและปริมาณของสารมลพิษ รวมถึงสภาวะการทำงานของแต่ละอุตสาหกรรม สำหรับโรงไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจน

ในปริมาณสูง Spray Tower Scrubber หรือ Packed Bed Scrubber ที่ใช้สารละลายด่างมักเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการกำจัดก๊าซเหล่านี้ได้สูงและสามารถรองรับอัตราการไหลของอากาศได้มาก ส่วนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีการปล่อย VOCs หลากหลายชนิด Packed Bed Scrubber หรือ Venturi Scrubber ที่ใช้ของเหลวที่มีความสามารถในการละลาย VOCs สูงจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ทั้งนี้ การเลือกใช้ “Wet Scrubber” ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการกำจัดสารมลพิษ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนและดำเนินงาน รวมถึงความยั่งยืนในการใช้งานในระยะยาว

ตัวอย่างความสำเร็จในการใช้ Wet Scrubber ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้า

ความสำเร็จในการประยุกต์ใช้ “Wet Scrubber” ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้ามีให้เห็นในหลายประเทศทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา โรงไฟฟ้าหลายแห่งได้ติดตั้ง “Wet Scrubber” เพื่อลดการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจน ส่งผลให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเหล่านี้ลดลงอย่างมากและช่วยบรรเทาปัญหาฝนกรดและหมอกควัน ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศจีนได้มีการนำ “Wet Scrubber” มาใช้ในการบำบัด VOCs จากกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยลดการปล่อย VOCs ลงได้มากกว่า 90% และช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศในพื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ ในประเทศญี่ปุ่น ยังมีการพัฒนา “Wet Scrubber” ที่ใช้พลังงานต่ำและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเพิ่มความยั่งยืนในการใช้งานในระยะยาว

การประยุกต์ใช้ “Wet Scrubber” ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยสารมลพิษทางอากาศและปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ “Wet Scrubber” ที่เหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรมต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในหลักการทำงานและปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพ รวมถึงการพิจารณาถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และความยั่งยืนในการใช้งานในระยะยาว การพัฒนาเทคโนโลยี “Wet Scrubber” ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจะเป็นแนวทางสำคัญในการส่งเสริมการใช้งานในวงกว้างและช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *