ข้อพิจารณาในการเลือกใช้งานเคลือบพื้นผิวด้วยไฟเบอร์ (FRP Lining) สำหรับถังบรรจุสารเคมี

ในอุตสาหกรรมเคมีและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มักมีการใช้ถังบรรจุสารเคมีที่มีความกัดกร่อนสูง เช่น กรด ด่าง หรือสารละลายเกลือ ซึ่งอาจทำให้ถังบรรจุที่ทำจากโลหะเกิดการกัดกร่อนและเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว การเลือกใช้ FRP Lining เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยปกป้องถังบรรจุจากการกัดกร่อนและยืดอายุการใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ “FRP Lining” ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

คุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของสารเคมีที่บรรจุในถัง

คุณสมบัติของสารเคมีที่บรรจุในถังเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ “FRP Lining” ที่เหมาะสม โดยต้องพิจารณาทั้งความเป็นกรดหรือด่าง ความเข้มข้น อุณหภูมิ และความดันของสารเคมีในสภาวะการใช้งาน สารเคมีที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูง เช่น กรดไฮโดรคลอริกหรือโซเดียมไฮดรอกไซด์ อาจต้องใช้ “FRP Lining” ที่มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูงเป็นพิเศษ เช่น ไวนิลเอสเตอร์หรืออีพอกซี่เรซิน

นอกจากนี้ อุณหภูมิและความดันของสารเคมีที่สูงก็อาจส่งผลต่อความทนทานต่อการเคลือบได้ จึงต้องเลือกใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสภาวะการใช้งานจริง นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาถึงการเกิดปฏิกิริยาเคมีหรือการตกผลึกของสารเคมีที่อาจเกิดขึ้นภายในถัง ซึ่งอาจส่งผลต่อการยึดเกาะและความทนทานของงานเคลือบในระยะยาวได้

การเลือกวัสดุและความหนาของการเคลือบที่เหมาะสม

“FRP Lining” ประกอบด้วยเรซินและเส้นใยแก้วที่ถูกขึ้นรูปให้มีความหนาและแข็งแรง เพื่อปกป้องผิวโลหะของถังจากการกัดกร่อน การเลือกชนิดของเรซินและเส้นใยให้เหมาะสมกับสารเคมีที่บรรจุในถังจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เรซินที่นิยมใช้ในการเคลือบ ได้แก่ โพลีเอสเตอร์ ไวนิลเอสเตอร์ อีพอกซี่ และฟูแรน โดยเรซินแต่ละชนิดมีความต้านทานต่อสารเคมีและอุณหภูมิที่แตกต่างกัน เช่น อีพอกซี่เรซินมีความทนทานต่อด่างและตัวทำละลายได้ดี แต่มีความต้านทานต่อกรดได้ไม่ดีเท่าไวนิลเอสเตอร์เรซิน เป็นต้น

ส่วนความหนาของการเคลือบที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและอุณหภูมิของสารเคมี โดยปกติอยู่ในช่วง 2-5 มิลลิเมตร ทั้งนี้ ต้องพิจารณาความสมดุลระหว่างความหนาที่เพียงพอต่อการปกป้องถังในระยะยาว กับต้นทุนค่าวัสดุและน้ำหนักของถังที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ การเสริมแรงด้วยเส้นใยแก้วที่มีคุณภาพสูงหรือเส้นใยอื่น ๆ เช่น เส้นใยคาร์บอน ก็ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและยืดอายุการใช้งานของการเคลือบได้

การเคลือบผิวด้วยไฟเบอร์กลาสกับโครงสร้างถังเคมี

การเคลือบผิวด้วยไฟเบอร์กลาสภายในถังบรรจุสารเคมี เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของถัง ก่อนการเคลือบจำเป็นต้องมีการเตรียมผิวโลหะของถังให้สะอาดและมีความขรุขระที่เหมาะสม เพื่อให้การเคลือบสามารถยึดเกาะได้แน่นหนา วิธีการพ่นทรายหรือการกัดกรดมักถูกนำมาใช้ในการเตรียมผิวถัง จากนั้นจึงทำการเคลือบผิวด้วยเรซินชั้นแรก ตามด้วยการวางแผ่นเส้นใยแก้วและทาเรซิ่นจนได้ความหนาตามต้องการ ตลอดกระบวนการติดตั้ง ต้องมีการควบคุมสภาวะแวดล้อม เช่น อุณหภูมิและความชื้น ให้เหมาะสม เพื่อให้เรซินแข็งตัวและยึดเกาะกับผิวถังได้ดีที่สุด

นอกจากนี้ งานเคลือบพื้นผิวด้วยไฟเบอร์กลาส บริเวณรอยต่อระหว่างถังกับท่อหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการรั่วซึมหรือการลอกร่อนจากการเคลือบของ “FRP Lining” บริเวณดังกล่าว โดยอาจใช้วิธีการเชื่อมด้วยความร้อนหรือการยึดด้วยสลักเกลียวและปะเก็นที่ทนต่อสารเคมี

สรุปได้ว่า การเลือกใช้งานเคลือบพื้นผิวด้วยไฟเบอร์กลาสสำหรับถังบรรจุสารเคมี ต้องพิจารณาทั้งคุณสมบัติของสารเคมี วัสดุและความหนาของการเคลือบ การเลือกวัสดุในการเคลือบที่เหมาะสมกับสารเคมีและสภาวะการใช้งาน ร่วมกับการเคลือบอย่างถูกวิธีโดยผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ถังบรรจุสารเคมีมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการการเคลือบถังด้วยไฟเบอร์กลาสแล้ว ก็ยังจำเป็นต้องมีการตรวจสอบและประเมินสภาพของถังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามจนเกิดความเสียหายต่อถังหรืออันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *