“Wet Scrubber” สำหรับบำบัดอากาศเสียในโรงงานอุตสาหกรรม

ในโรงงานอุตสาหกรรม มักมีสารเคมีที่เกิดจากกระบวนการผลิต ซึ่งสารเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานและชุมชนใกล้เคียงได้ “Wet Scrubber” เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่นิยมใช้ในการบำบัดอากาศเสีย จากอากาศที่ปล่อยออกจากโรงงาน โดยอาศัยหลักการทำงานจากการสัมผัสกันระหว่างอากาศเสียกับน้ำหรือสารละลายเคมี เพื่อให้ได้อากาศที่สะอาดและปลอดภัยก่อนปล่อยสู่บรรยากาศ

การเลือกชนิดของ “Wet Scrubber” ให้เหมาะสมกับสารเคมีที่เข้ามาในระบบ

“Wet Scrubber” มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีความเหมาะสมกับอากาศเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ เช่น ความสามารถในการละลายน้ำ ความดันไอ และความเข้มข้น เพื่อเลือกชนิดของ Wet Scrubber ที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้

1. Packed Bed Scrubber

– เหมาะสำหรับอากาศเสียที่มีสารมลพิษละลายน้ำได้ดี เช่น แอลกอฮอล์ คีโตน กรดอินทรีย์ และไซยาไนด์

– อาศัยหลักการสัมผัสระหว่างอากาศเสียกับของเหลวที่ไหลผ่านตัวกลาง (Packing Media) เช่น Raschig Rings, Berl Saddles หรือ Pall Rings ซึ่งมีพื้นที่ผิวจำเพาะสูง ทำให้เกิดการถ่ายเทมวลของสารมลพิษจากอากาศสู่ของเหลวได้มาก

– มีประสิทธิภาพการบำบัดสูง สามารถกำจัดสารมลพิษได้มากกว่า 95% แต่มีข้อจำกัดคือ เมื่อความเข้มข้นของสารมลพิษสูงเกินไป อาจทำให้ตัวกลางเกิดการอุดตันได้

2. Venturi Scrubber

– เหมาะสำหรับอากาศเสียที่มีสารมลพิษความเข้มข้นสูงและมีอัตราการไหลของอากาศมาก เช่น ฝุ่นละออง (Particulate Matter) ไอกรด (Acid Mist) และอนุภาคของเหลว (Liquid Droplets)

– อาศัยหลักการเพิ่มความเร็วของอากาศเสียให้สูงขึ้นโดยไหลผ่านช่องแคบ (Venturi Throat) แล้วพ่นของเหลวเข้าไปในกระแสอากาศความเร็วสูง ทำให้เกิดการชนกันระหว่างอนุภาคของเหลวและสารมลพิษ เกิดการดูดซับและรวมตัวกันกลายเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ สามารถแยกออกจากอากาศได้ง่าย

– มีประสิทธิภาพการบำบัดปานกลาง (ประมาณ 80-95%) แต่สามารถรองรับปริมาณอากาศเสียได้สูงและทนต่อสารมลพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้ดี อย่างไรก็ตาม มีข้อเสียคือสิ้นเปลืองพลังงานในการสูบอากาศ และอาจเกิดการสึกหรอของอุปกรณ์ได้ง่าย

3. Spray Tower Scrubber

– เหมาะสำหรับอากาศเสียที่มีสารมลพิษละลายน้ำได้ปานกลางและมีปริมาณฝุ่นหรืออนุภาคของแข็งไม่มากนัก เช่น ไซลีน โทลูอีน แอมโมเนีย และไอระเหยของสารอินทรีย์

– อาศัยหลักการพ่นละอองของเหลวให้สัมผัสกับอากาศเสียในหอสเปรย์ (Spray Tower) โดยมีแผ่นกั้นหรือชั้นวางตัวกลาง (Trays/Packing) เพื่อเพิ่มระยะเวลาสัมผัสระหว่างอากาศกับของเหลว ทำให้สารมลพิษถูกดูดซับได้มากขึ้น

– มีประสิทธิภาพการบำบัดอยู่ในช่วง 70-90% ซึ่งพอใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ให้ประสิทธิภาพต่ำกว่า Packed Bed Scrubber เล็กน้อย เพราะมีพื้นที่ผิวสัมผัสน้อยกว่า ข้อดีคือ มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน สร้างและบำรุงรักษาง่าย แต่อาจเกิดการไหลลัดวงจร (Channeling) ของอากาศได้ หากออกแบบไม่ดีพอ

จะเห็นได้ว่า “Wet Scrubber” แต่ละชนิดมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน การเลือกใช้งานต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับคุณสมบัติของสารมลพิษ ความเข้มข้น อัตราการไหลของอากาศ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่าย พื้นที่ติดตั้ง และความยากง่ายในการดูแลรักษาด้วย เพื่อให้ได้ “Wet Scrubber” ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *