เพื่อให้ “Wet Scrubber” ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาและยืดอายุการใช้งานอย่างเหมาะสม ต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่สำคัญในการบำรุงรักษาและใช้งาน “Wet Scrubber” ในระบบบำบัดอากาศเสีย
1. ตรวจสอบและทำความสะอาดอุปกรณ์ “Wet Scrubber” อย่างสม่ำเสมอ
ควรทำความสะอาดอุปกรณ์หลักของ “Wet Scrubber” เช่น หัวฉีด ท่อ และถังเก็บของเหลว อย่างน้อยทุก 3-6 เดือน เพื่อกำจัดตะกรันและสิ่งสกปรกที่สะสม นอกจากนี้ ควรตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ประกอบ เช่น ปั๊ม วาล์ว และระบบควบคุม เป็นประจำ เพื่อให้สามารถระบุและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยป้องกันการหยุดชะงักของระบบและยืดอายุการใช้งานของ “Wet Scrubber”
2. เลือกใช้วัสดุและอะไหล่ “Wet Scrubber” ที่มีคุณภาพ
เนื่องจาก “Wet Scrubber” ต้องสัมผัสกับสารเคมีและสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง จึงควรเลือกใช้วัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนชิ้นส่วนสำคัญ เช่น สแตนเลสสตีล หรือพลาสติกทนสารเคมี นอกจากนี้ ควรใช้อะไหล่ของแท้หรืออะไหล่ที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิต เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีคุณภาพและความเข้ากันได้กับระบบ “Wet Scrubber” การใช้อะไหล่ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพหรือความเสียหายของอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ควรมีการจัดเก็บและจัดการอะไหล่อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถเบิกใช้ได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องทำการซ่อมบำรุง
3. การปรับปรุงระบบ “Wet Scrubber”
การปรับปรุงระบบ “Wet Scrubber” เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ควรมีการติดตามเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการพัฒนา “Wet Scrubber” อย่างสม่ำเสมอ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ใช้กับระบบที่มีอยู่ เช่น หัวฉีดแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือระบบควบคุมอัตโนมัติที่ทันสมัย อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดมลพิษและลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนการตัดสินใจลงทุนปรับปรุงระบบ ควรมีการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างรอบคอบ รวมถึงพิจารณาความพร้อมของบุคลากรในการใช้งานและบำรุงรักษาระบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วย การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของผู้ปฏิบัติงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นควบคู่ไปกับการปรับปรุงระบบ